ระวังสปอยเลอร์! เนื้อหาของบทความนี้มีสปอยเลอร์เกี่ยวกับภาพยนตร์ทั้งหมด

ภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนมักจะนำเสนอแง่มุมมืดของแต่ละยุคสมัย ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ขณะที่หนังสือคลาสสิก เช่น เชอร์ล็อกโฮล์มส์ กำลังถูกเขียน เมืองสมัยใหม่ก็เริ่มก่อกำเนิด ขึ้นพร้อมกับปัญหาในเมือง “ฆาตกรรมบนรถไฟสายตะวันออก” (Murder on the Orient Express) ของอากาธา คริสตี้ ใช้เรื่องราวเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำและอคติตามฐานะและชนชั้น “เอร์คิวล์ ปัวโร” (Hercule Poirot) ซึ่งปรากฏในนวนิยายของคริสตี้ เป็นตัวละครที่สะท้อนให้เห็นถึง สถานการณ์หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

ในแง่นี้ ภาพยนตร์เรื่อง “มีดคม” ที่เข้าฉายในปี 2019 เป็นการนำเสนอแนวสืบสวนสอบสวน คลาสสิกแบบทันสมัยที่ประสบความสำเร็จ “บรูโน่ บลังค์” (รับบทโดย ดาเนียล เคร็ก) **ผู้ ถูกขนานนามว่าเป็นนักสืบคนสุดท้ายของโลก** ได้รับการติดต่อให้ไปยังคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ในสหรัฐอเมริกา คฤหาสน์นี้เป็นของ “ฮาร์ลัน ทรอมบี้” นักเขียนนิยายแนวสืบสวนสอบสวน ชื่อดัง แต่เขาก็ถูกฆาตกรรมในคืนวันเกิดครบรอบ 85 ปี **และคนที่อยู่ในคฤหาสน์ในคืนนั้น ต่างก็มีแรงจูงใจในการฆาตกรรม**

แม้ดูเผินๆ จะเหมือนนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนธรรมดา แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งใจ จะนำเสนอตลกร้ายที่เยาะเย้ยสังคมอเมริกันในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสียดสีความเสแสร้งของชนชั้นสูงชาวอเมริกันผิวขาว พวกเขาแสดงออกว่าต่อต้านการเหยียดผิว และบางคนก็ดูเหมือนจะต่อต้านนโยบาย ต่อต้านการย้ายถิ่นของโดนัลด์ ทรัมป์ แต่เมื่อพินัยกรรมของฮาร์ลัน ทรอมบี้ ถูก ค้นพบ พวกเขาก็เปลี่ยนท่าที เนื่องจากมรดกของเขาจะถูกมอบให้กับ “มาร์ต้า คาเบรรา” (รับบทโดย อานา เดอ อาร์มัส) เด็กสาวชาวฮิสแปนิกที่เป็น คนดูแลเขา **

ในบ้านทรอมบี้ มีเพียง “แรนซัม” (รับบทโดย คริส อีแวนส์) หลานชายของฮาร์ลันเท่านั้นที่ ช่วยเหลือมาร์ต้า แต่ท้ายที่สุดก็ปรากฏว่าเขาเองก็พยายามใช้มาร์ต้าเช่นกัน เมื่อรู้ว่าฮาร์ลันจะมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้มาร์ต้า เขาจึงฆ่าฮาร์ลันและพยายาม โยนความผิดให้มาร์ต้า

หลังจากบรูโน่ บลังค์ เปิดเผยความจริงทั้งหมด แรนซัมก็ตะโกนว่า “พวกเราจะต้องไม่ เสียคฤหาสน์ของตระกูล” แต่บลังค์ก็หัวเราะเยาะเขาอย่างไม่ไยดี และพูดว่า “คฤหาสน์นี้เป็นของปู่คุณที่ซื้อจากนักธุรกิจชาวตะวันออกกลางในช่วงทศวรรษ 1980” เป็นการเตือนให้พวกผิวขาวนึกถึงความจริงที่ว่าแม้พวกเขาจะคิดว่าอเมริกา เป็นของพวกเขา แต่พวกเขาก็ขับไล่ชนพื้นเมืองและยึดครองแผ่นดินอเมริกา

ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตลกร้าย แต่ยังให้ความบันเทิงในฐานะภาพยนตร์แนว สืบสวนสอบสวน มีการวางเบาะแสเกี่ยวกับจุดจบและความจริงอย่างประณีต ตลอดทั้งเรื่อง การค้นหาเบาะแสที่ซ่อนอยู่จากการดูภาพยนตร์หลายครั้งจึง เป็นเรื่องสนุก หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จ Netflix ก็ได้ซื้อลิขสิทธิ์การเผยแพร่ และภาพยนตร์ภาคต่อ “มีดคม: กระจกหัก” ก็ ออกฉายในฐานะภาพยนตร์ต้นฉบับของ Netflix