บทสรุปของโพสต์โดย durumis AI
- ซีรีส์ทีวีเฮโลอาจไม่ได้รับคำชมจากแฟนเกมต้นฉบับมากนัก แต่เกม 'เฮโล: คอมแบต อีโวลูชั่น' ที่วางจำหน่ายในปี 2001 บนเครื่องเอกซ์บอกซ์ ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
- เฮโล: มาสเตอร์ ชีฟ คอลเลกชั่น รวมเกม 6 ภาคไว้ในราคา 39,900 บาท ถือว่าคุ้มค่า แต่ภาคแรกอาจมีรูปแบบการเล่นที่ดูเชื่องช้า ทำให้เป็นอุปสรรคในการเริ่มเล่น
- หากคุณชื่นชอบเกมแนวผจญภัยไซไฟ สเปซโอเปร่า และเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งแบบผู้เล่นคนเดียว (PvE) แนะนำให้ลองเล่นเฮโล มาสเตอร์ ชีฟ คอลเลกชั่น
เฮโล 1 ดิสคัฟเวอร์
ซีรีส์ต้นฉบับของพาราเมาท์พลัสอย่าง เฮโล กำลังจะเปิดตัวซีซั่นที่สองในวันพฤหัสบดีนี้ เฮโลได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชมทั่วไป และมีผู้ชมมากพอที่จะผลิตซีซั่นที่ 2 ต่อไปได้ แต่แฟนๆ เกม ‘เฮโล’ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของซีรีส์ทีวีเรื่องนี้กลับวิจารณ์ในแง่ลบ เนื่องจากมีการตัดองค์ประกอบที่แฟนๆ ชื่นชอบออกไปมากมาย ดังนั้นก่อนที่ซีซั่นที่ 2 จะเปิดตัว เราจึงลองเล่นเกมเฮโลเวอร์ชั่นต้นฉบับดู
เฮโลเป็นเกมเก่าแก่และเป็นเกมที่ทำให้เครื่องเล่นเกม Xbox มีอยู่ทุกวันนี้ เกมแรกของเฮโลคือ ‘เฮโล: คอมแบต อีโวลฟ์’ (Halo: Combat Evolved) ซึ่งเปิดตัวพร้อมกับ Xbox ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2001 Xbox สามารถเผยแพร่ไปทั่วโลก โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือได้ก็เพราะความนิยมของเฮโล
เฮโล: มาสเตอร์ ชีฟ คอลเลกชั่น (Halo: Master Chief Collection) เป็นแพ็กเกจที่รวบรวมเกมเฮโลตั้งแต่ปี 2001 ถึง 2012 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยรวมเกมหลัก 4 เกม ตั้งแต่ภาคแรกอย่าง เฮโล: คอมแบต อีโวลฟ์ ไปจนถึง เฮโล 4 รวมถึงเกมแยกอย่าง เฮโล รีช และ เฮโล โอดสท์ เนื่องจากเฮโลเป็นเกมเอกสิทธิ์ของ Xbox ที่มีประวัติยาวนาน จึงเล่นได้เฉพาะบน Xbox เท่านั้น แต่ปัจจุบันได้เปิดตัวเวอร์ชั่น PC แล้วด้วย
จุดเด่นที่สุดของ ‘เฮโล: มาสเตอร์ ชีฟ คอลเลกชั่น’ คือความคุ้มค่า เกม 6 เกมที่น่าจะราคาอย่างน้อย 4,000 บาท (50 ดอลลาร์) รวมอยู่ในแพ็กเกจราคา 1,290 บาท (39.99 ดอลลาร์) ทั้งหกเกมมีเนื้อหาให้เล่นอย่างน้อย 40 ชั่วโมง ดังนั้นถ้าเล่นช้าๆ ก็สามารถเล่นได้นานถึง 1 ปีเลยทีเดียว
เฮโล รีช
กราฟิกก็ดีกว่าที่คิดไว้ เพราะผ่านการปรับปรุงใหม่แล้ว เฮโลภาค 1 ที่สร้างขึ้นในปี 2001 ได้รับการปรับปรุงให้มีกราฟิกเทียบเท่ากับช่วงต้นยุค 2010 และเฮโล 2 มีการใส่คัตซีนที่สร้างด้วยกราฟิกสมัยใหม่ ทำให้ดูดื่มด่ำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะฉากหลังที่สวยงามเหมือนเกมที่ บันจี้ (Bungie) สร้างขึ้นในภายหลัง มีทั้งฉากอวกาศ ชายฝั่ง และเมืองที่ถูกไฟไหม้ ฯลฯ สร้างขึ้นมาได้อย่างสวยงาม
รูปแบบการเล่นและเรื่องราวของทั้ง 6 เกมนั้นแตกต่างกันไป ภาคแรกเป็นเกมเก่ามาก รูปแบบการเล่นจึงดูเชื่องช้าไปบ้าง ตัวละคร ‘มาสเตอร์ ชีฟ’ ที่ผู้เล่นควบคุมไม่สามารถวิ่งได้ และถ้าตกจากที่สูงเพียงเล็กน้อยก็จะตายทันที นอกจากนี้ การยิงปืนก็ไม่มีระบบบอกว่าโดนเป้าหมายหรือไม่ และปัจจุบัน ‘การยิงแม่นยำ’ ที่เป็นเรื่องปกติก็ไม่มีเช่นกัน
เฮโล 2 ก่อนและหลังปรับปรุง
รูปแบบการเล่นเหล่านี้ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เฮโล รีช (Halo Reach) เกมแยกที่ออกในปี 2010 ให้ความรู้สึกเหมือนกับการเล่นเกมสมัยใหม่แทบจะทั้งหมด ผู้เล่นสามารถวิ่งหรือใช้เจ็ทแพ็คบินได้ ตัวละคร ‘โนเบิล 6’ สามารถวิ่งไปตามตึกระฟ้าในเมืองเพื่อช่วยเหลือพลเรือน และสามารถบังคับยานอวกาศในวงโคจรของโลกได้
การเล่าเรื่องของทั้ง 6 เกมยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบรรจุองค์ประกอบที่คาดหวังไว้ในแนวไซไฟผจญภัยและอวกาศโอเปร่าได้อย่างครบถ้วน ภารกิจขับรถหนีจากโครงสร้างนอกโลกที่กำลังพังทลายในช่วงปลายภาค 3 นั้นน่าตื่นเต้นมาก แม้จะไม่นับว่าเป็นเกมเก่าก็ตาม
เฮโล 3
โดยเฉพาะตัวเอกของซีรีส์นี้จะไม่เคยถอดหมวกกันน็อคเลย ทำให้ตัวเอกดูลึกลับและผู้เล่นก็สามารถเข้าถึงตัวละครได้ง่ายขึ้น ในฐานะคนที่ดูซีรีส์เฮโลมาก่อน เราเข้าใจได้ว่าทำไมแฟนๆ ถึงต่อต้านขนาดนั้น เพราะในซีรีส์เฮโลจะเห็นใบหน้าของตัวเอกบ่อยครั้ง
แต่ถึงอย่างนั้น เนื่องจากเป็นเกมเก่า รูปแบบการเล่นจึงดูซ้ำซากกว่าเกมสมัยใหม่ สำหรับคนที่คุ้นเคยกับเกมอย่าง Overwatch รูปแบบการเล่นที่ซ้ำซากของเกมนี้อาจเป็นอุปสรรคในการเริ่มเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฮโลภาคแรกที่ไม่สามารถวิ่งได้ ทำให้รู้สึกหงุดหงิด
ถ้าคุณชอบเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งแบบ PvE อย่างเฮโล เกมนี้ก็เป็นเกมที่น่าลองเล่นดูสักครั้ง ถ้าชอบอวกาศโอเปร่าด้วยแล้ว เกมนี้เป็นเกมที่ต้องเล่นเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเล่นเกมแบบ Overwatch ที่เล่นง่ายๆ แนะนำให้ซื้อเกมใหม่ๆ อย่าง ‘เฮโล อินฟินิต’ (Halo Infinite) (2021) แทน