หัวข้อ
- #Game of Thrones
- #HBO
- #House of The Dragon
สร้าง: 2024-01-16
สร้าง: 2024-01-16 15:54
โปสเตอร์ 'Game of Thrones' ซีซัน 8
หลังจากที่ซีรีส์ที่ทำรายได้สูงสุดของ HBO อย่าง ‘Game of Thrones’ ได้ปิดฉากลงไปแล้ว 5 ปี ‘Game of Thrones’ เริ่มออกอากาศทาง HBO เป็นครั้งแรกในปี 2011 และได้รับความนิยมอย่างมากจากตัวละครที่มีมิติหลากหลาย รวมถึงแผนการและการทรยศหักหลังที่คาดเดาไม่ได้ ในปี 2019 ตอนจบของซีรีส์นี้มีผู้ชม 13.6 ล้านครัวเรือน ทำให้มันกลายเป็นซีรีส์ที่ทำรายได้สูงสุด ในประวัติศาสตร์ของ HBO
แต่ช่วงหลังๆ ของซีรีส์กลับได้รับคำวิจารณ์ที่ย่ำแย่ ในปี 2011 ตอนที่ซีรีส์เริ่มออกอากาศ ทีมงานมีนิยายต้นฉบับให้ดัดแปลงถึง 5 เล่มด้วยกัน จอร์จ อาร์ อาร์ มาร์ติน ผู้เขียนต้นฉบับดูเหมือนว่าจะสามารถเขียนนิยายให้จบได้ก่อนที่ซีรีส์จะดัดแปลงถึงเล่มที่ 5 แต่จนกระทั่งปี 2015 ซึ่งเป็นปีที่ซีซัน 5 ที่ดัดแปลงจากเล่มที่ 5 ออกอากาศ เล่มที่ 6 ก็ยังไม่ออกมาตีพิมพ์ และจนถึงตอนนี้ หลังจากซีซัน 1 ออกอากาศไปแล้ว 13 ปี เล่มที่ 6 ก็ยังไม่ออกมาตีพิมพ์
สุดท้าย จอร์จ มาร์ติน จึงได้บอกสรุปตอนจบที่เขาคิดไว้ให้กับทีมงานสร้างซีรีส์ และเสนอว่าเขาจะช่วยเขียนบทให้หากจำเป็น มาร์ตินคิดว่าการจะอธิบายตอนจบของซีรีส์ให้สมบูรณ์แบบนั้นต้องใช้ถึง 10 ซีซัน ในฐานะที่เป็นนักเขียนบทโทรทัศน์มากประสบการณ์ จอร์จ มาร์ตินอาจจะเขียนบทให้เสร็จก่อนที่จะเขียนนิยายให้จบก็ได้ ในขณะเดียวกัน ทีมงานสร้างซีรีส์อาจจะรู้สึกกังวลกับการลากซีรีส์ขนาดใหญ่เช่นนี้ออกไปถึง 10 ปี พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะจบเรื่องในซีซัน 8
และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘Game of Thrones’ ที่ไม่มีต้นฉบับเป็นพื้นฐานตั้งแต่ซีซัน 7 เป็นต้นไป จอร์จ มาร์ตินประกาศว่าเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้อีกต่อไป ทีมงานได้นำเอาตอนจบที่จอร์จ มาร์ตินบอกเล่ามาใส่ไว้ในเรื่องราวและโครงเรื่องต่างๆ บุคลิกของตัวละครที่ควรจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาในช่วงหลายๆ ซีซัน กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันภายในเวลาไม่กี่นาที ไทเรียน แลนนิสเตอร์ (รับบทโดย ปีเตอร์ ดิงค์ลิดจ์) ผู้ที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังจากคำพูดอันไพเราะ กลับพูดแต่เรื่องไร้สาระ และ เดเนรีส กลายเป็นฆาตกรในพริบตา หลังจากที่เคยเป็นผู้ปลดปล่อยทาสมาก่อน
หลังจากที่ ‘Game of Thrones’ จบลงอย่างน่าตกใจ คณะผู้บริหารของ HBO ก็เริ่มกังวล เพราะผู้ชมได้เห็นว่าตอนจบของซีรีส์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากนั้นแย่เพียงใด HBO จึงขอให้จอร์จ มาร์ตินเขียนนิยายที่จะสามารถดัดแปลงเป็นซีรีส์แยก (Spin-off) ของ ‘Game of Thrones’ และยังกำหนดเงื่อนไขว่านิยายเรื่องนั้น ต้องมีตอนจบที่สมบูรณ์
ดังนั้น จอร์จ มาร์ตินจึงเขียนนิยายชื่อ ‘Fire & Blood’ ‘Fire & Blood’ เป็นนิยายแต่เขียนในรูปแบบของประวัติศาสตร์ หนังสือเล่มนี้มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่นักวิชาการในโลกของ ‘Game of Thrones’ เขียนขึ้น (หากจอร์จ มาร์ตินเขียนเป็นนิยายเต็มๆ อาจจะต้องใช้เวลานาน แต่การเขียนเป็นประวัติศาสตร์แบบนี้ทำให้เขาสามารถสรุปเนื้อหาโดยคร่าวๆ ได้เร็วขึ้น) ดังนั้น ซีรีส์ใหม่ของ HBO ที่สร้างขึ้นจากประวัติศาสตร์ปลอมๆ นี้จึงมีชื่อว่า ‘House of the Dragon’
โปสเตอร์ 'House of the Dragon'
โปรดระวังสปอยล์!
‘House of the Dragon’ มีฉากหลังอยู่ 170 ปีก่อน เหตุการณ์ใน ‘Game of Thrones’ ในช่วงเวลานี้ ราชวงศ์แทร์แกเรียน (Targaryen) ซึ่งล่มสลายไปแล้วใน ‘Game of Thrones’ กำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรือง พระราชวงศ์แต่ละพระองค์มีมังกรเป็นของตัวเอง และไม่มีใครกล้าต่อต้านตระกูลแทร์แกเรียนที่ขี่มังกรได้ จนกระทั่งตระกูลแทร์แกเรียนแตกออกเป็นสองฝ่ายและเกิด สงครามกลางเมืองขึ้น**
เจ้าหญิง ‘ราเอนิรา’ พระธิดาของกษัตริย์ ‘ไวเซอริส’ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษโดยตรงของ ‘เดเนรีส แทร์แกเรียน’ ที่รับบทโดยเอมิเลีย คลาร์กใน ‘Game of Thrones’ ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากพระบิดาให้เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ แต่พระบิดาของเธอก็มีพระมเหสีองค์ใหม่ที่อายุน้อยกว่าและทรงให้กำเนิดพระโอรส นั่นทำให้ราเอนิราเริ่มรู้สึกว่าสถานะของตนเองกำลังสั่นคลอน
ลางสังหรณ์ร้ายๆ ของเธอกลายเป็นจริงเมื่อพระบิดาและกษัตริย์ไวเซอริสสิ้นพระชนม์ พระราชินีอลิเซนต์ พระมเหสีองค์ใหม่ได้สถาปนาพระโอรสของพระนาง ‘อาเอยอน’ ขึ้นครองราชย์และประกาศว่าพระองค์เป็น กษัตริย์องค์ใหม่โดยชอบธรรม ราเอนิราจึงต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์คืนโดยจัดพิธีราชาภิเษกที่ ‘ดรากอนสโตน’** ซึ่งเป็นที่ตั้งเดิมของตระกูลแทร์แกเรียนและประกาศตนเป็นผู้ปกครองอาณาจักรที่แท้จริง
อาเอยอนและราเอนิราต่างก็รวบรวมผู้สนับสนุนจากทั่วอาณาจักร ตระกูลสตาร์ค ซึ่งเป็นเหมือนตัวเอกในเรื่องก่อนหน้านี้ สนับสนุนราเอนิรา ในขณะที่ตระกูลแลนนิสเตอร์สนับสนุนอาเอยอน ทั้งสองฝ่ายต่างก็พยายามหลีกเลี่ยงการเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างพระราชวงศ์ที่ต่างก็มีมังกรเป็นของตัวเอง แต่ การทรยศหักหลังและแผนการที่คาดไม่ถึง ก็เกิดขึ้นใน 170 ปีก่อนเช่นกัน การตายที่น่าสะพรึงกลัวที่ไม่มีใครคาดคิดได้ส่งผลให้ ‘Game of Thrones’** เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในเวสเทอรอสและจบลงในตอนจบของซีซันแรก
ซีรีส์ที่เปิดตัวทาง HBO Max ในปี 2022 นี้มีผู้ชมมากกว่า 20 ล้านคน ทำให้มันประสบความสำเร็จเทียบเท่ากับ ‘Game of Thrones’ ได้รับการยกย่องว่าสามารถดึงดูดผู้ชมที่ผิดหวังกับตอนจบของ ‘Game of Thrones’ กลับมาสู่โลกนี้ได้อีกครั้ง ‘Game of Thrones’ มีข้อเสียตรงที่ต้นฉบับนิยายยังไม่จบ ทำให้ตอนหลังๆ ของเรื่องมีคุณภาพลดลง แต่ซีรีส์เรื่องนี้มีตอนจบที่กำหนดไว้แล้ว ดังนั้นจึงลดความกังวลเรื่องความผิดหวังในตอนจบลงได้
หากคุณเคยดู ‘Game of Thrones’ แล้วรู้สึกสนุก ซีรีส์ภาคก่อนเรื่องนี้จะไม่มีอะไรน่าสนใจไปกว่านี้อีกแล้ว การแสดงของมิลลี อัลค็อก ในบทเจ้าหญิงราเอนิราตอนเด็กๆ ดูคล้ายกับเดเนรีสที่เอมิเลียรับบทไว้ ทำให้เกิดกระแสพูดถึงเป็นอย่างมาก บัลลังก์เหล็ก สัญลักษณ์ของซีรีส์ ก็กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าผู้ชมอีกครั้งในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘เพลงแห่งน้ำแข็งและไฟ’ ซึ่งเป็นปริศนาที่ยังไม่ได้รับคำตอบใน ‘Game of Thrones’ ได้กลับมาปรากฏตัวในซีรีส์เรื่องนี้ แล้วครั้งนี้ผู้ชมจะได้รับคำตอบว่า ‘เพลงแห่งน้ำแข็งและไฟ’ คืออะไรหรือไม่? ซีซันที่ 2 ของ ‘House of the Dragon’ จะเปิดตัวใน ช่วงฤดูร้อนปี 2024**
ความคิดเห็น0